สินสอด เรื่องไม่เล็กที่ต้องเคลียร์ให้ชัดเจน

ในทางกฏหมายนั้น สินสอดถือว่าจะมีหรือไม่มีก็ได้เพราะเป็นแค่เพียงข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องเคลียร์ให้ชัดเจนกันตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เพราะในอดีตคู่บ่าวสาวที่แต่งงานกันและไม่ได้เคยพบเจอกันมาก่อน ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจึงเรียกสินสอดเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายชายทิ้งการแต่งงาน และเป็นหลักประกันว่าฝ่ายชายมีปัญญาเลี้ยงดูฝ่ายหญิงต่อไปในอนาคต จนถือเป็นธรรมเนียมที่ต้องถือปฏิบัติกันมาจนถึงทุกวันนี้

ค่าสินสอดนั้นไม่ได้ระบุว่าจะต้องสมควรเป็นเท่าไหร่ หรือว่าจะต้องมีอะไรบ้าง ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับฐานะและครอบครัวของฝ่ายชาย แต่ถ้าหากได้มอบสินสอดไปแล้ว ทัรพย์สินเหล่านั้นจะถือเป็นของฝ่ายหญิง ถึงแม้ว่าปัจจุบันคู่บ่าวสาวจะวางแผนจัดงานแต่งงานกันเอง โดยไม่ต้องให้ญาติผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องมากมายนัก แต่ในเรื่องของสินสอดก็ยังคงเป็นธรรมเนียม แต่ถูกเปลี่ยนรูปแบบจากการที่พ่อแม่ฝ่ายชายเป็นผู้รับผิดชอบ กลายเป็นบ่าวสาวร่วมกันรับผิดชอบมากขึ้น

คุยให้เคลียร์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง

เงินๆทองๆเป็นเรื่องที่ต้องเคลียร์ให้ชัดเจนและโปร่งใสตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าธรรมเนียมแต่โบราณจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ เอาที่สะดวก และสบายใจทั้งสองฝ่ายเป็นดีที่สุดผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงถ้าจะเรียกสินสอดก็ต้องชัดเจนว่าเท่าไร จะคืนหรือไม่คืนก็ต้องบอกชัด ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวก็ต้องชัดเจน ไหวก็คือไหว ไม่ไหวก็คือไม่ไหว ถ้าหากฝ่ายชายรับปากว่าไหวแล้วหาให้ไม่ได้ตามที่ตกลง ปัญหาก็จะตามมาทีหลังอีก เพราะฉนั้นการพูดบอกกันตรงๆเห็นจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

แต่ถึงอย่างไรถ้าหากว่าตัวฝ่ายชายบสภาพเศรษฐกิจไม่พร้อม หากมีแค่เพียงความรักและปัจจัยตามสมควร ก็คงต้องปรับเปลี่ยนจากสินสอดเป็นของขวัญแทนใจตามความเหมาะสมเป็นดีที่สุด

สินสอดเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าเหมาะสม

คำว่า ตามความเหมาะสม หรือ แล้วแต่จะให้ ที่ทางผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงส่วนใหญ่เรียกไป ทำเอาฝ่ายชายต้องนั่งเกาหัวเหมือนกัน ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าต้องเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมและเหมาะของเรา กับเหมาะของเขาอาจไม่เท่ากันก็ได้ เพราะฉนั้นการเรียกไปเลยจะดีกว่า ถ้าไหวก็ไม่ ถ้าไม่ไหวทางฝ่ายชายก็คงจะมีการตกลงเจรจากันได้

สินสอดต้องเป็นเงินอย่างเดียวเท่านั้นหรือ

เดิมทีนั้นสินสอดไม่ได้นิยมให้เป็นเงิน แต่ให้เป็นทอง เครื่องทอง หรือเครื่องประดับ แต่พอเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เงินก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มีบทบาทมากขึ้นจึงเป็นที่นิยมนำมาเป็นสินสอดแต่ก็ยังคงพวกทองและเครื่องประดับต่างๆไว้นอกเหนือจากเงินยังมีที่ดิน รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ต่างๆก็ยังคงได้รับความนิยมนำมาเป็นสินสอดด้วยเช่นกัน

อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนแรกสินสอดเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันให้ชัดเจน และเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของบ้านใครบ้านมัน เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้เด็ดขาด เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของการแต่งงานคือการเริ่มต้นชีวิตคู่ของคนสองคนที่รักกัน จะเอาเงินทองมาเป็นตัวตั้งมากจนเกินไปก็คงไม่ดีนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดของการมีชีวิตคู่ก็คือการที่คนสองคนพร้อมที่จะเดินไปด้วยกันจนถึงฝั่งฝันจริงไหม

_________________________________________________________________________________

ติดตามบทความเกี่ยวกับงานแต่งงานดีๆ ลุ้นรับสิทธิถ่ายพรีเวดดิ้งฟรีทุกเดือน รวมทั้งโปรโมชั่นพิเศษมากมาย
ได้ที่ Line @superpibphoto หรือ จิ้มที่นี่ครับ >>> www.line-superpibphoto.com